เหินน้ำ หรือ Hydroplane คืออะไร?
Share

เหินน้ำ หรือ Hydroplane คืออะไร?

 

อาการเหินน้ำ สิ่งที่ต้องระวังเมื่อขับรถขณะฝนตก

 

หน้าฝนได้หวนกลับมาอีกครั้งแล้วนะคะ และคนมีรถยนต์คงจะกังวลใจไม่น้อย กับการที่ต้องมาขับรถในช่วงที่ฝนตกบ่อย ๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะอันตรายในการขับรถที่มาพร้อมกับหน้าฝนอย่าง อาการเหินน้ำ หรือที่เรียกว่า Hydroplaning ค่ะ
อย่างไรก็ตามหากคุณกังวลกับ อาการเหินน้ำ หรือใครที่ยังไม่รู้จักว่ามันเป็นอย่างไรล่ะก็ ตาม #อีซูซุประชากิจ_จันทบุรี มาดูกันเลยค่ะ

 

เหินน้ำ หรือ Hydroplane คืออะไร?
อาการเหินน้ำหรือ Hydroplaning คืออาการที่เกิดขึ้นในช่วงที่ถนนเปียกหรือการที่มีน้ำเพิ่มมากขึ้นบนพื้นถนน ซึ่งหากยางรถยนต์ไม่สามารถรีดน้ำออกจากยางได้ทัน ก็จะทำให้ยางรถยนต์ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน และยางรถยนต์นั้นจะหมุนอยู่บนฟิล์มน้ำบนถนนแทน เป็นเหตุให้รถเสียการควบคุม และเกิดอาการลื่นไถลได้

 

ทำไมอาการเหินน้ำถึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้?
ถึงแม้อาการเหินน้ำนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คุณสูญเสียการควบคุมรถได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเมื่อเกิดอาการเหินน้ำนั้น เป็นเพราะผู้ขับขี่จับพวงมาลัยไม่แน่นพอ รวมถึงเหยียบเบรกกะทันหัน ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้รถเกิดหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ซึ่งอันตรายมากเพราะทำให้เกินความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถหมุนไปชนกับสิ่งกีดขวางริมถนน หรือบริเวณเกาะกลางถนน หรือในกรณ๊ที่แย่ที่สุดคือ ถูกรถที่วิ่งตามมาด้านหลังชนในขณะที่รถกำลังเสียการควบคุมค่ะ

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอาการเหินน้ำ?
ในกรณีเมื่อเกิดอาการเหินน้ำคุณจะรู้สึกว่าพวงมาลัยมีน้ำหนักเบากว่าปกติ RPMs หรือหน่วยวัดอัตราการหมุนของเครื่องยนต์อาจเพิ่มขึ้นชั่วขณะ แล้วจู่ ๆ รถก็อาจจะเปลี่ยนทิศทางไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม

 

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ Hydroplane
1.ความเร็วของรถยนต์ ความเร็วของรถยนต์นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะรถยนต์ยิ่งวิ่งมาเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่ล้อจะรีดน้ำได้ทันนั้นจะยิ่งน้อยลง ทำให้ชั้นของน้ำนั้นหนามากกว่า และมีโอกาสก่อให้เกิดอาการเหินน้ำได้มากกว่า
2.น้ำหนักของรถยนต์ รถยนต์ยิ่งน้ำหนักมาก เมื่อเสียการควบคุมแล้ว แรงเฉี่อยจะยิ่งมากกว่า
3.ดอกยางของรถยนต์ ลักษณะของดอกยาง และ ความลึกของดอกยางนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ดอกยางจะมีการรีดน้ำไปด้านข้างของล้อด้วย ความลึกของดอกยางนั้น ทางทฤษฎีแล้ว หากดอกยางเหลือเพียงครึ่งเดียว ความเร็วจะต้องลดลงจากเดิมประมาณ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เทียบกับดอกยางเต็มๆ)
4.ล้อรถยนต์ หากเป็นล้อรถยนต์ที่มีหน้ากว้าง และยาวกว่า(รัศมีมากกว่า) โอกาสเกิด Hydroplane จะยิ่งน้อยกว่า
5.ลักษณะของพื้นผิวถนน หากเป็นพื้นคอนกรีตแล้ว โอกาสเกิดเหตุการณ์จะยิ่งง่ายกว่า ถนนที่มียางมะตอยราด เพราะยังมีร่องน้ำ ตามรูของพื้นผิวถนน นอกจากนี้ยังมีความชัน และความเอียงของพื้นผิวถนนที่เป็นปัจจัยเล็กน้อยอีกด้วย

 

ทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเมื่อเกิดอาการเหินน้ำ?
1.ขับรถให้ช้าลง เมื่อเห็นถนนเปียก หรือตอนที่ฝนกำลังตก
2.ขับรถตามรถคันข้างหน้า เพราะคุณจะสามารถรู้ได้ทันทีว่ามีแอ่งน้ำที่จะทำให้เกิดอาการเหินน้ำหรือไม่ โดยต้องไม่ลืมที่จะเว้นระยะห่างไว้ระยะหนึ่งด้วย เผื่อว่ารถคันหน้าเสียการควบคุม คุณจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
3.ควรขับรถอยู่ในเลนกลาง เพราะแอ่งน้ำขังส่วนใหญ่มักจะอยู่เลนนอก
4.ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายางรถยนต์มีดอกยางที่อยู่ในสภาพดี อีกทั้งควรเติมลมยางให้มีความเหมาะสมกับรถ เพราะถ้าหากยางอ่อนเกินไปจะทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ง่ายขึ้น
5.อย่าเบรกขณะที่อยู่ในโค้ง แต่ควรเบรกก่อนที่จะเข้าโค้ง
6.อย่าขับรถไปในที่ที่มีแอ่งน้ำ เพราะจะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการเหินน้ำสูงยิ่งขึ้นไปอีก
7.ให้คุณจับพวงมาลัยรถยนต์ให้แน่น และใช้เบรกเบา ๆ หากเกิดอาการเหินน้ำ
8.อย่าเหยียบคันเร่ง ถ้าพวงมาลัยรู้สึกเบา ๆ และปล่อยให้รถชะลอตัวไป และห้ามเหยียบเบรกกะทันหัน
9.อย่าเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยหนี หากเกิดอาการเหินน้ำ แต่ให้จับพวงมาลัยให้แน่นและค่อย ๆ แตะเบรก คุณอาจจะรู้สึกสั่นสะเทือนที่เท้าเมื่อแตะเบรก แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ตราบใดที่คุณยังค่อย ๆ แตะเบรก

 

อาการเหินน้ำไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดนะคะ เพียงแค่เรามีสติและรู้จักการป้องกันเบื้องต้น แค่นี้อุบัติเหตุจากอาการเหินน้ำก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวแล้วค่ะ
#เรื่องน่ารู้จากอีซูซุ

 

ขอบคุณที่มา MoneyGuru.co.th

 

ติดตามข่าวสาร ได้ทาง
Facebook : https://www.facebook.com/prachakij/
Line@ : https://line.me/ti/p/@prachakij
web-site : www.prachakij.com